วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บันยิพ (Bunyip) สัตว์ประหลาดแห่งแดนจิงโจ้



ผมพาไปรู้จักกับสัตว์ประหลาดกันมาก็หลายชนิด หลายตัวแล้วอ่ะนะครับ ข้อมูลมากบ้างน้อยบ้าง ก็อย่าว่ากันล่ะครับ พอดีวันนี้สบโอกาสพาไปทัวร์แถวออสเตรเลียกันดูบ้าง มาฟังเรื่องเล่าที่เป็นตำนานเกี่ยวกับเจ้าสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเรียกกันว่า บันยิพ (Bunyip) กันดูบ้างก็น่าจะไม่เลวเท่าไหร่นะ หรือคุณๆ ว่าไงครับ ?

สำหรับเรื่องสัตว์ประหลาดหรือเจ้าตัวประหลาดนี้นั้นก็เป็นตำนานหรือเรื่องเล่าที่ยังคงกล่าวขาน และมีรายงานการกันต่อมาจนถึงทุกวันนี้ของชาวเผ่าพื้นเมืองอะบอริจินส์ของออสเตรเลียโน่นแน่ะครับ (ปัจจุบันนี้ก็ยังมีผู้ที่อ้างว่าได้พบเห็นหรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับบันยิพอยู่เลยครับ) โดยตามเรื่องตำนานได้เล่ากล่าวเอาไว้ว่าบันยิพเนี่ยเป็นจิตวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง หนองบึง ทะเลสาบ พอนานวันเข้าเลยกลายมาเป็นสัตว์ประหลาดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาไปโน่นล่ะครับ หรือหากจะบอกว่าเป็นวิญญาณผู้เฝ้าผืนน้ำก็เห็นจะเป็นได้อยู่เหมือนกัน ตามตำนานแล้ว... บันยิพก็เหมือนสัตว์ประหลาดแทบจะทั่วทุกมุมโลกล่ะครับคือค่อนข้างจะขี้โมโหไปเสียหน่อย มีพฤติกรรมหรือการกระทำที่เรียกได้ว่าดุร้ายเอาการทีเดียว ถ้าหากมีผู้ใดหรือใครบุกรุกหรือล่วงล้ำถิ่นที่อยู่ของมันแล้วล่ะก็ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ชนิดใดก็ตาม เบาะๆ ก็โดนทำร้ายครับ แต่ถ้าแย่หน่อยก็จะโดนมันพาลากเอาลงน้ำไปเลยทีเดียว เรียกได้ว่าถ้าแหยมมาล่ะพ่อลากลงน้ำแน่ อะไรประมาณนั้นเลย แล้วไม่ใช่ลากลงน้ำไปนั่งดูเฉยๆ นะครับ บันยิพนี่ยังกินคนหรือเหยื่อที่มันจับลงน้ำไปอีกด้วย........ก็ว่ากันไปนั่นละครับ ^_^



ไม่ใช่แต่เพียงชาวพื้นเมืองที่มีเรื่องเล่าขานถึงเรื่องของบันยิพเท่านั้นนะครับ พวกคนขาวที่ไปตั้งรกรากทีหลังอยู่ที่นั่นก็มีประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเจ้าบันยิพนี่อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าลักษณะของรายละเอียดจะแตกต่างกันออกไปเท่านั้นเองแต่ก็เล่าขานกันเป็นในแนวสัตว์ประหลาดที่เฝ้าหนองบึง ผืนน้ำอยู่นั่นเอง...

เอ้า ฝอยมาซะนาน ลืมเล่ารูปพรรณสัณฐานของบันยิพซะได้ -_- ก็....มาว่ากันถึงรูปร่างของมันแล้วกัน เรื่องรูปร่างของบันยิพนี่ก็น่าปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ใช่ย่อยครับ เพราะมันแปลกจริงๆ .......คือ มี 4 ขา และแต่ละขามี 3 เล็บ ขนาดลำตัวใหญ่ ที่ตัวด้านหน้ามีเกล็ดปกคลุมไปจนถึงครึ่งของหลังและแผ่นหลังก็ปกคลุมด้วยขนไปตลอดจนถึงหาง หน้าตาออกจะคล้ายสุนัข แต่บ้างก็ว่าเหมือนหมูครับ หุ หุ และก็มีหางคล้ายตัวบีเวอร์ ขนาดความยาวตลอดตัวราว 10-12 ฟุต (ดูรูปประกอบแล้วกันครับ สะดวกดี) แต่บางตำนานก็กล่าวว่าบันยิพนี่รูปร่างจะออกไปทางไดโนเสาร์หรือสัตว์เลื้อยคลานมากกว่าครับ แต่ก็นั่นแหละครับ ลักษณะของบันยิพก็มีแตกต่างกันออกไปอีกหลายแบบครับ ตามตำนานของแต่ละเผ่าชนพื้นเมืองอีกเหมือนกัน

รายงานการพบเห็นบันยิพนั้นไล่มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1800 แน่ะครับ หลายสถานที่ หลายแห่งในออสเตรเลีย แต่ปีที่มีการรายงานเกี่ยวกับบันยิพมากที่สุดก็เห็นจะเป็นในช่วงปี ค.ศ. 1820-1845 ครับ เรียกได้ว่ายุคทองของเรื่องบันยิพเลยทีเดียว และในช่วงปี ค.ศ.1800 นั้นเคยมีรายงานการพบซากกระดูกสัตว์ขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนครับที่ เมืองกีลอง(Geelong) รัฐวิคตอเรีย (Victoria) ของออสเตรเลีย โดยรูปร่างกระดูกจะคล้ายกับฮิปโปโปเตมัส แต่แน่นอนครับว่าพอพิสูจน์แล้วไม่ใช่ ก็เลยมีการสันนิษฐานกันไปว่ามันอาจจะเป็นซากกระดูกของบันยิพก็ได้ ว่ากันไปนั่นเลยทีเดียวเชียว และต่อมาเมื่อปี ค.ศ.1845 ก็มีการขุดค้นพบโครงกระดูกสัตว์ยักษ์ปริศนาอีกเช่นกันครับ ซึ่งลักษณะของกระดูกที่ขุดพบครั้งนี้นั้นรูปร่างคล้ายกับจระเข้ผสมกับนก อะฮ่า งงละซิครับ ผมก็งง หุ หุ เอายังงี้ครับถ้านึกไม่ออก ก็ลองนึกถึงรูปร่างของโครงกระดูกจระเข้ขณะยืน 2 ขาและตัวพองๆ แบบนกดู นั่นละครับใช่เลย ซึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของกีลองได้เคยลงเรื่องและรูปวาดของบันยิพเอาไว้และเอามาตีพิมพ์ใหม่ใน ค.ศ.1991 ที่ช่วงเรื่องของบันยิพกลับมาฮือฮาอีกครั้งนึง แต่คราวนี้ทางหนังสือพิมพ์ได้ให้ความเห็นว่ามันคือไดโนเสาร์ปากเป็ด (Duck-Billed Dinosaur) แทนครับ แต่ข้อมูลสรุปของโครงกระดูกที่มีคนเชื่อมากที่สุดก็เห็นจะเป็นว่ามันคือกระดูกของสัตว์ที่เคยมีอยู่จริงในสมัยก่อนครับ แล้วมันตัวอะไรล่ะ ? อีกประเดี๋ยวจะเฉลยครับ


โด่งดังถึงขนาดมีแสตมป์บันยิพด้วยแน่ะครับ


 
บางคนก็เชื่อว่าเรื่องเล่าของบันยิพเนี่ยเหลวไหล เป็นเพียงเรื่องเล่าในจินตนาการ เป็นเพียงเรื่องเล่ารอบกองไฟที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นหรือจากนิทานก่อนนอนเท่านั้นครับ สัตว์ประหลาดที่เล่าๆ กันมาน่ะ ไม่มีตัวตนจริงหรอก นิทานก็เป็นนิทาน ตำนานก็เป็นตำนาน จะเป็นเรื่องจริงไปได้ยังไง เพราะยังไม่เคยมีใครจับตัวมันได้หรือมีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนเลย เจ้าตัวที่เล่าต่อกันมาน่ะ บางทีอาจจะเป็นแค่จระเข้น้ำเค็มตัวใหญ่หรือไม่ก็แค่ฮิปโปโปเตมัสเท่านั้นเอง อะไรประมาณนั้นละครับ......แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านกลับเชื่อว่ามันเคยมีตัวตนอยู่จริง เพียงแต่ไม่ใช่สัตว์ประหลาดอะไรที่ไหนแต่มันน่าจะเป็นตัว ดิพโพรโทดอน (Diprotodon) หรือสัตว์ที่อยู่ในตระกูลจิงโจ้ขนาดใหญ่ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงในออสเตรเลีย ในสมัยบรรพกาลเมื่อประมาณ 20,000 กว่าปีมาแล้วน่ะครับ

Diprotodon

แต่ปัจจุบันจะสูญพันธ์ไปแล้วหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่อาจทราบได้ครับ ซึ่งถ้าดูจากรูปเปรียบเทียบกันแล้วบันยิพกับดิพโพรโทดอนเนี่ยจะว่าไปมันก็คล้ายกันเอาการอยู่นะครับซึ่งเจ้าดิพโพรโทดอนนี่อาจจะมีชีวิตเหลือรอดมาจนถึงทุกยุค 80 ในตอนนั้นเลยทำให้กลายมาเป็นต้นตำนานของสัตว์ประหลาดบันยิพในตอนนี้ หรืออาจจะรอดมาจนถึงทุกวันนี้ และหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งก็อาจเป็นได้ครับ หรือไม่ก็บันยิพอาจจะไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงเรื่องเล่าที่ตกทอดต่อกันมา หรืออาจจะมีอยู่จริงๆ แต่เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งนอกระบบความรู้ที่เรายังไม่ค้นพบก็อาจจะเป็นไปได้อยู่อีกเหมือนกันครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนนั้น มันก็เป็นเสน่ห์ที่น่าค้นหาอยู่เหมือนกันครับ

ฟู่......ที่เล่ามานี้ก็พอที่จะทำให้พอรู้จักกับบันยิพ หนึ่งในตำนานสัตว์ประหลาดของโลกเราใบนี้กันมากขึ้นอ่ะนะครับ ถูกใจไม่ถูกใจยังไงก็บอกกันได้ แต่ถ้าข้อมูลตกหล่นขาดหายไปหรือน้อยไปยังไงก็ต้องขออภัยด้วยครับ อย่างที่บอกอยู่เสมอละครับว่าอ่านเพื่อความบันเทิงครับ จะมีจริงหรือไม่นั้น เราอย่าไปซีเรียสดีกว่า ใช่มั๊ยครับ ^^ ก็คงจะมีเท่านี้ครับสำหรับบทความเรื่องเล่าชิ้นนี้ ไว้เจอกันใหม่ครับผม ^^.......









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น