วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตามรอยเจสันกับขนแกะทองคำ

ในบรรดาตำนานที่ยิ่งใหญ่ของโลก มักมีเรื่องตำนานการผจญภัยของวีรบุรุษ และมีตำนานที่มีเรื่องเล่าขานกันมากว่า 3,000 ปี

ตำนานเจสัน และลูกเรืออาร์โก นั้น เป็นตำนานคลาสสิกที่เกี่ยวข้องกับการผจญภัย ของวีรบุรุษ ครับ เหมือนกับ มิชชั่น อิมพอสซิเบิล ฉบับโบราณเลยนะครับ มันมีองค์ประกอบทุกอย่างของเทพนิยาย วีรบุรุษ และเจ้าหญิง เวทมนต์ และมังกร รวมไปถึง โศกนาฏกรรม
เป็นเรื่องของการเดินทางในทะเล การเดินทางไปที่ที่ ไม่มีใครรู้จัก ไปยังดินแดนที่พระอาทิตย์ขึ้น ถ้าจะพูดในแบบตำนานสมัยใหม่หละก็ งานของเจสันก็คือ ไปยังที่ที่ไม่เคยมีใครไปมาก่อนนั่นเอง

 เหมือนตำนานกรีกหลายเรื่อง ที่เริ่มต้นแบบนองเลือด เพเลอัส ลุงที่ชั่วร้ายของเจสัน ได้ยึดบัลลังค์และขับไล่กษัตริย์ ไอโอคัส ซึ่งเป็นพ่อของเจสัน เพื่อความปลอดภัย เพเลอัสต้องฆ่าเจสัน แต่ว่าเจสันหนีรอดไปได้


สำหรับเจสัน เทพเจ้าได้กำหนดชีวิตที่ต่างไปให้กับเขา เหมือนกับ ไลออนคิงค์ หรือแฮรรี่พอตเตอร์ เจสันพบกับความตายและการสุญเสีย เขาโตขึ้นมาที่เขา เพลิออน ตอนกลางของกรีก ซึ่งเป็นเขาวิเศษลูกหนึ่ง เทพเจ้าจะมาจากเขา โอลิมปัส และใช้เวลาหน้าร้อนพักผ่อนที่ เพลิออน

รวมไปถึง แอสพิลิออส บิดาแห่งการแพทย์ ก็มาที่นี่ด้วยครับ ที่แห่งนี้ คือ ภูเขาของเซนทอร์ โดยเฉพาะตัวที่ชื่อว่า ไครอน เขาเป็นอาจารย์ ของอาคิลิส ครับ วีรบุรุษในสงครามกรุงทรอยนั่นเองครับ

แม้กระทั่งในปัจจุบัน เวลาคุณพูดกับชาวกรีก เทพเจ้าและ วีรบุรุษ นั่นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด หลายคนย้ำว่า บางส่วนมีพื้นฐานมาจาก ประวัติศาสตร์ เพราะมีต้นกำเนิดมาจาก สถานที่จริงครับ เช่น เขา เพลิออน แต่ตำนานมักจะถูกใส่สีสันด้วย จินตนาการ เทพนิยาย และรายละเอียดในชีวิตจริง จนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนานขึ้นมาครับ

ตำนานของเจสัน ก็เป็นแบบนั้น ผู้ที่สุญเสียพ่อแม่ไป และถูกเลี้ยงจนโตที่เขา เพลิออน โดยเซนทอร์ ผู้ใจดีครับ เป็นครึ่งคนครึ่งม้า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น คุณก็เข้าสู่โลกเทพนิยายแล้วครับ

เมื่อเขาอายุ 20 ปี เจสัน ออกจากเขา เพลิออน เพื่ออ้างสิทธิ์ของเขา ก็คือ อาณาจักรของพ่อเขา ระหว่างทางนั้นเขาเสียรองเท้าไป ตอนช่วยหญิงชราข้ามแม่น้ำ ซึ่งแท้จริงก็คือ เทพี ฮีรา เทพอุปถัมภ์ของเขาเองที่ปลอมตัวมา จากนั้น เจสัน ก็มุ่งหน้าไปยังที่ราบ ไอโอคัส เพื่อไปยังวังของลุง



แม้เพลิอัส จะช่วงชิงบัลลัง แห่งไอโอคัสมาได้ แต่ก็ทรงรู้สึกไม่สบายใจ มีคำพยากรณ์จากวิหารเดลฟีว่า ให้ระวังคนแปลกหน้าที่ใส่รองเท้าข้างเดียว เมื่อเจสันมาถึง และอ้างสิทธิ์บัลลังอย่างกล้าหาญ เขาก็หลาดกลัวมาก กฎศักดิสิทธิ์ แห่งการเป็นเจ้าบ้านทำให้ เขาทำร้ายเจสันตรง ๆ ไม่ได้ แต่ เพลิอัส นั้นเจ้าเลห์ เขาเลยพูดกับเจสันว่า "บอกข้าสิเจ้าหนุ่ม ถ้าเจ้าเห็นข้า และต้องเผชิญหน้ากับคนที่มาทวงบัลลัง เจ้าจะทำอย่างไร" เจสันตอบว่า "ข้าจะส่งเขาไปทำงาน ที่ไม่มีใครทำได้ นอกจากเทพเจ้า" เพลิอัสก็ตอบไปว่า "ดีมาก งั้นถ้าเจ้าอยากได้มงกุฎ ข้า เจ้าจะต้อง ไปเอาขนแกะทองคำ มาให้ข้าก่อน"


แล้วขนแกะมาจากไหนกัน ?

ขนแกะมาจากของขวัญจากจอมเทพซุส ครับ แกะตัวนั้นได้บินไปทางตะวันออก ดินแดนซึ่งพระอาทิตย์ขึ้น ที่นั่น กษัตริย์ซึ่งเป็นบุตรของสุริยเทพ ได้บูชายันแกะนั้น และแขวน ขนแกะไว้บนต้นไม้ศักดิสิทธิ์ และมีมังกรคอยเฝ้า เป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมนุษย์คนใด ไปเห็นมาก่อน

ธรรมเนียมของกรีก ได้เปิดให้ตำนานของเจสัน อยู่ในยุคในสมัยวีรบุรุษสงครามกรุงทรอย หรือยุคไมซิเนียน มันดูเหมือนเทพนิยาย แตว่าทรอยเป็นเพียงแค่นิยาย จนกระทั่งนักโบราณคดีได้ค้นพบหลักฐาน โดย ดร. อดีมี ซิสมานี ในปี 2001 ก็มีการค้นพบที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือวังไอโอคัส ในยุคสำฤทธิ์ ซึ่งวังยังอยู่ในสภาพที่ถูกทำลายครั้งสุดท้าย

 


วังนี้แก่าแก่ ถึง 1200 ปี ก่อนคริสกาล เป็นตำนานที่เกิดขึ้น มีการถูกทำลายบริเวณกำแพงด้วย


คำถามสำคัญก็คือ นี่คือวังของเจสันใช่หรือไม่ สถานที่ที่อยุ่ในบทกวีโบราณ ถึงจะมีการค้นพบเหล่านี้แล้ว เมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องตำนาน นักประวัติศาสตร์ต้องรอบคอบกันหน่อยครับ ดร. อาดีมี ซิสมานี บอกว่า ในฐานะนักโบราณคดีแล้ว ยังไม่ส่วนสรุปว่า นี่เป็นวังของเจสันครับ เพราะไม่มีการสลักชื่อของเขานั่นเองครับ แต่ที่นี่ เป็นศูนย์กลางอำนาจของไมซิเนียน ที่ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้นครับ

ในปลายยุคสัมฤทธิ์ ประมาณ 1,400 ปีก่อนคริสตกาล ไอโอคัส เป็นอาณาจักรทางเหนือของกรีก เป็นท่าเรือสำคัญตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และการผจญภัยครั้งสำคัญ มันต้องเกิดขึ้นที่นี่แน่ครับ

แต่การจะเดินทางไปที่ขอบโลกนั้น คุณจะต้องมีเรือสักลำหนึ่ง และไม่ใช่เรือธรรมดาซะด้วย เป็นเรืออาร์โก ที่สร้างขึ้นจากไม้ที่ภูเขา เพลิออน

อาร์โก หมายถึงรวดเร็ว ชาวกรีกบอกว่าเป็นเรือลำแรกที่มี ชื่อ และมีบุคลิกเฉพาะตัว

 



ตอนที่พวกเขาสร้างเรืออาร์โก พวกเขาใช้ไม้จากป่าโดโดนา ไม้วิเศษ ไม้ที่พูดได้ ไม้โอ๊ก จากโดโดนา ตอนนี้เจสันต้องการลูกเรือ แต่ไม่ใช่จะเป็นใครก็ได้ครับ เขาไม่ได้เดินไปตามชายฝั่งเมืองบัวโรส เพื่อหาลูกเรือ ตำนานบอกว่าลูกเรือของเขาเป็นคน ที่มีชื่อเสียง ในยุควีรบุรุษทั้งนั้น และมีชื่อเสียงที่สุดเท่าที่เคยมีมาด้วย

ชื่อลูกเรือ เฮอร์คิวลิส แฮกเคลส ออฟิอุส แคสเตอร์ ออลิเดสคิส เทซิอัส ทุกคนมีความสามารถพิเศษ อาทาแลนตา นักวิ่งที่เก่งกาจ เป็นผู้หญิงคนเดียว ในกลุ่มลูกเรือ ตำนานบอกว่าเจสัน แล่นเรือออกจากกรีกไปยัง เคากิส ปัจจุบันคือประเทศจอร์เจีย แต่กวียุคแรกเห็นเป็นอีกแบบหนึ่ง คือทะเลดำเป็นมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งล้อมโลกเอาไว้ การเดินทางกล่าวกันว่า เป็นการเดินทางสู่ขอบโลก

ในตำนานกรีก เซนทอร์ ไครอน เป็นคนแรกที่เป็นแพทย์ และที่เขานี้ ก็มีสมุนไพรหลายชนิดครับ ชื่อของเจสัน ในยุคสำฤทธิ์ หมายถึงผู้ที่รักษา

ไดรอน เลี้ยงเจสัน จนเติบโตขึ้นมาครับ ในสมัยโบราณ ตำนานเล่าว่ามีพิธีกรรมแปลก ๆ ที่นี่ครับ ผู้ชายจะมาถึงที่ถ้ำนี้ โดยคลุมตัวด้วยขนแกะ ที่เพิ่งถูกฆ่ามาใหม่ ๆ บางคนบอกว่ามีการบูชายันมนุษย์ด้วย การศึกษากรีกโบราณบอกว่า ในช่วงหน้าร้อนคนโบราณจะมาที่ถ้ำนี้ แต่งตัวด้วยขนแกะ พิธีกรรมแบบนี้ มีถึงช่วงเปลี่ยนศตวรรษครับ เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว

นั่นคือเบาะแสแรกที่นำไปสู่ความเชื่อโบราณ ที่ทำให้เกิดตำนานเรื่องเจสัน ตำนานแสดงออกถึงความคิด ความหวัง และความกลัวที่ลึกที่สุดของเรา โดยเฉพาะตำนานกรีก วีรบุรุษมักจะอยู่อย่างไม่เป็นสุขตลอดไปครับ
ในที่สุดเรืออาร์โก ก็มาถึง แม่น้ำแฟซิส ในดินแดนเคาคิส หรือจอร์เจียในปัจจุบัน ในตำนานกรีกในช่วงแรก ที่นี่คือขอบโลกครับ

ปัจจุบันแม่น้ำแฟซิส ถูกเรียกว่า เลโอนี วีรบุรุษโบราณอาจเข้าไปในแม่น้ำแฟซิส

สิ่งที่แปลกก็คือ พวกลูกเรืออาร์โก เดินทางมาถึงเคาคิส โดยไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเอาขนแกะทองคำมาได้อย่างไร พวกเขาคิดว่าต้องทำสงคราม วีระบุรุษบางคนชอบการใช้กำลัง แต่เจสันเสนอวิธีที่นุ่มนวลกว่า เขาพูดว่า "สหายข้า พวกท่านจงรอบนเรือนี้ ข้าจะไปพบกษัตริย์ของพวกเขา ข้าจะคุยกับเขา และ ดูเขาว่าหยิ่งผยองและทะนงในอำนาจหรือเปล่า หรือเขาเป็นมิตร บางทีเราอาจต่อรองกับเขาได้ เพื่อแลกกับขนแกะทองคำ" วีรุบุรษของกรีกอาจรบกับพวกเขา

สำหรับชาวกรีกเมืองเคาคิส เป็นดินแดนต่างถิ่นอันชั่วร้าย ซึ่งปกครองโดยกษัตริย์อันโหดเหี้ยม เอเออทิส อำนาจของเขาขึ้นอยู่กับการรักษาขนแกะทองคำเอาไว้ พวกเขาเรียกเมืองนี้ว่า เออา ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งริมน้ำ หรือริมหาด ลึกเข้าไปจากชายฝั่ง แต่ว่าเมืองนี้มีจริงหรือไม่ นักโบราณคดี พยายามขุดแถบนี้ ในจอร์เจีย เพื่อหาเมืองแห่งสุริยะเทพ

ในช่วงปี 1870 มีข่าวลือว่า มีการค้นพบมันใกล้กับเมืองวานี หลังจากมีฝนตกเครื่องประดับทอง แหวนเพชร สร้อยคอ ถูกชะออกมาจากหน้าผา ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งก็เขียนว่า ทั้งเนินเขา เต็มไปด้วยเงินทองมากมายครับ

เรื่องทองของเมืองเคาคิส ดึงดูดได้แม้กระทั่ง ไฮลิส ชาลีมาล นักขุดค้นเมืองทรอยที่มีชื่อเสียง เขาเป็นผู้ค้นพบเพชรพลอยของเฮเลน และหน้ากากของอกาเมนอน บางที ชาลีมาล อาจหวังว่า เขาอาจเจอขนแกะทองคำด้วยซ้ำไป และนักโบราณคดีเจอทองมากมายที่เมืองวานี และที่กำแพงเมืองเคาคิส เมืองนี้รุ่งเรืองในปีที่ 600 ปี ก่อนคริสตกาล หลังยุคสำฤทธิ์ไปนานเหมือนกัน เป็นช่วงที่ชาวกรีกเริ่มสร้างอาณานิคมแห่งนี่ขึ้นที่นี่ ทำให้ตำนานนี้ ก็อยู่ที่จอร์เจียตั้งแต่นั้นมา


 



เมืองเคาคิส ที่นักเขียนชาวกรีกได้บรรยายเอาไว้มีการต่อสู้กันมาหลายชั่วคนแล้ว สำหรับชาวกรีกโบราณ เป็นภาพลักษณ์ของชนป่าเถื่อนโดยแท้จริง ในสังคมที่มีความภักดีต่อกลุ่มเป็นเรื่องที่ดีที่สุดครับ การต้อนรับขับสู้นั้น เป็นการแสดงถึงอำนาจ อีกด้วยครับ ผู้หญิงได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ ผู้ชายเป็นใหญ่ และลูกสาวต้องเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการแต่งงาน

นักเล่าเรื่องสมัยโบราณ เล่าเรื่องการเดินทางกลับกรีกของเจสัน ไว้หลายรูปแบบครับ บ้างก็ว่าเรืออาร์โก วิ่งอ้อมไปทางทิศตะวันออก ของโลก และย้อนขึ้นไปยังทางทะเลทรายของแอฟริกา บ้างก็ว่า เขาผ่านทะเลอาร์คติกที่หนาวเหน็บ ผ่านอังกฤษ และผ่านเสาหิน แห่งเฮอร์คิวลิส หรือ ช่องแคบยิบรอลตา

อโพโลเนียส บอกว่าพวกเขา แล่นขึ้นไปผ่านแม่น้ำ ดาร์นูบ และแล่นเรืออาร์โก ผ่านยุโรปกลาง ไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ทุกคนเห็นพ้องว่า พวกเขากลับมาที่เกาะเล็ก ๆ ชื่อว่า อนาฟี ซึ่งเทพอพอลโกขึ้นมาช่วยพวกเขา จากพายุลูกสุดท้าย

คุณอาจคิดว่าตำนานจะจบลงตรงนั้นครับ เจสันและมีเดียกลับไปที่กรีก และสาบานว่าจะรักกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป แต่ตำนานกรีกไม่ใช่แบบนั้นครับ มีมนุษย์ไม่กี่คนที่จะอยู่อย่างมีความสุขตลอดไป มนุษย์เกือบมีสถานะเกือบจะลูกหลานของปวงเทพ พวกเขาสามารถทำตามคำทำนายได้ทุกอย่างครับ ได้รับการปกป้องจากองค์ราชินีเทพ แต่ถ้าคุณล้ำเส้นหมดแสดงความนับถือ ตามสำควรต่อเทพเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว ถ้าคุณผิดคำสาบาน กรรมก็จะตามคุณทัน คุณก็จะพบชีวิตอันเจ็บปวดอย่างแท้จริง


 



เมื่อเจสันเอาขนแกะทองคำเดินทางกลับเมือง ไอโอคัส พร้อมมิเดีย กษัตริย์ เพลิอัส ลุงที่ชั่วร้ายแปลกใจที่ได้เห็น เจสัน มีเดียได้ใช้เวทมนต์เพื่อกำจัดเพลิอัส เธอล่อลวงลูกสาวว่าพวกเธอจะชุบชีวิตพวกเขา สับร่างและนำ ไปต้มในหม้อใหญ่ เพลิอัสจึงได้ตาย และเจสันก็ได้เป็นกษัตริย์ตามคำทำนาย พวกเขามีความสุขระยะหนึ่ง มีเดียมีลูกชายสามคน แต่ประชาชนเมืองไอโอคัส กลัวมีเดียและเวทมนต์ของเธอ ในที่สุด พวกเขาเนรเทศเจสันและครอบครัว ให้ออกจากเมืองไป

พวกเขามาทางใต้ที่เมืองคอริน จากตำนานที่แสดงถึงธรรมชาติที่โหดร้าย ความเป็นจริงที่ดำมืดของชีวิต เป็นแง่มุมที่ไม่เคยปรากฏในหนังฮอลลิวู้ด และเป็นแง่มุมที่ทำให้เรื่องนี้ เป็นตำนานกรีกที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่เทพนิยาย

ที่คอรินนี่เองที่เจสันผู้มีชื่อเสียง ได้เป็นกษัตริย์ เขาได้รับการเสนอเจ้าหญิงแสนสวยคนหนึ่ง ให้เป็นภรรยา เขารับ และผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ กับมีเดีย แน่นอนครับ มีเดียไม่ใช่ตัวละครธรรมดาเท่านั้น เธอมีเทพเจ้าและมนุษย์เป็นบรรพบุรุษ อีกด้วย เพื่อที่จะแก้แค้น ในสิ่งที่สามีของเธอได้ทำเอาไว้ เธอได้สังหารลูก ๆ ทิ้ง

คุณอาจคิดว่า อาชญากรรมที่มีเดียได้ทำขึ้น เป็นการแต่งแต้มของกวีล้วน ๆ มันอาจเป็นแบบนั้นครับ แต่มีการค้นพบที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น บริเวณอ่าวใกล้เมือง คอริน

คนโบราณเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยความหลักแหลมครับ ที่นั่นมีวิหารของฮีรา ซึ่งเป็นราชินีของเทพเจ้าอยู่ด้วย วิหารนี้สร้างขึ้นโดยมีเดีย และมีหลุมศพของลูก ๆ ที่ถูกสังหารอยู่ด้วย รวมทั้งรูปปั้นของผุ้หญิงที่กำลังตื่นกลัว รู้จักกันในชื่อ ความหวาดกลัว แล้วมีเดียถูกลงโทษ เธอกลายเป็นอมตะ เทพเจ้าปกป้องลูกหลานของตน พวกเขาพาเธอกลับเขาโอลิมปัส และให้สามีใหม่กับเธอ อาคิลิส ผู้ยิ่งใหญ่ วีรบุรุษที่แท้จริง


 



สำหรับเจสันแล้ว เรื่องของเขาจบลงเหมือนกับตอนที่เริ่มต้นนั่นแหละครับ เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยว กับรองเท้าเพียงข้างเดียว เขาเดินทางกลับไปที่ ไอโอคัส ด้วยสิ่งทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา เรือลำเก่าของเขาครับ เรืออาร์โก เรือเก่าของเขาลำนี้ ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งขณะที่เขา นั่งร้องไห้อยู่ในเงามืด เพียงผุ้เดียวครับ คานวิเศษและหัวเรือที่พูดได้นั้น ได้หักลงมาทับเขาจนเสียชีวิตลงไป เทพเจ้าสร้างเขาขึ้นมา และเทพเจ้าก็ได้ทำลายชีวิตของเขาในทีสุดครับ

ตอนเริ่มการเดินทางนั้น เจสันยังหนุ่ม และอ่อนประสบการณ์ เมื่อออกจากภูเขาเพลิออน เขาถึงกับร้องไห้ออกมาด้วย มีบางอย่างที่ดูไม่เป็นวีรบุรุษสำหรับเจสันอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขานั้น ล้วนเกี่ยวกับเรื่องดวงทั้งนั้นเลย ถ้านึกถึง วีรบุรุษคนอย่างอย่าง อคิลิส ความสามารถของเขาคือ ฆ่าคนได้โดยไม่ต้องคิดเลยครับ โอดิสซีอุส ก็คือ ความพยายามและความเจ้าเลห์ ซึ่งต่างจากเรื่องของเจสันอย่างสิ้นเชิงครับ

เจสันไม่ใช่หนุ่มแกร่ง เขาไม่ใช่นักฆ่า และอ่อนไหวต่ออำนาจของสตรีเพศ ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ ของเจสันกับผู้หญิง เป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของเขา ก้เหมือนกับวีรบุรุษคนอื่นในโลกของตำนาน เช่น กิลกาเมช กษัตริย์ อาเธอร์ หรือแม้แต่ เจมส์บอนส์ พวกเขาประสบความสำเร็จได้จากความช่วยเหลือจากผู้หญิง

อย่างที่นักเขียนโบราณบางคนเข้าใจ การเดินทางนี้ยังทดสอบทางจิตใจอีกด้วย คือการริเริ่มในการเสาะแสวงหา โดยเจสันเริ่มที่เกาะเลมนอส


0137_11[1].jpg



ขณะที่พวกเขาเข้าใกล้เกาะ พวกลูกเรืออาร์โกคิดว่าพวกเขาจะ ต้องเผชิญกับบรรดานักรบ แต่พวกเขาต้องแปลกใจ เพราะพบว่านักรบพวกนั้น เป็นผู้หญิง ราชินีของพวกเธอ ฮิซิพิเล เป็น คนแรกที่ออกมาเจรจา เธอไม่ได้แต่งชุดออกรบและ กล่าวว่า "คนแปลกหน้าไม่ต้องกลัว ไม่มีใครปกป้องเรา เราเสียผู้ชายทั้งหมดเมือง" เธอบอกว่าผู้หญิงบนเกาะเลมนอส ถูกเทพธิดาแห่งความรักสาป ทำให้ผู้ชายทิ้งพวกเธอไปหาหญิงอื่น และไปจากเกาะนี้ เธอพูดต่อว่า "ขอเชิญท่านให้อยู่กับเรา ที่นี่ และหากท่านสามารถเลือกหญิง ที่ท่านพอใจ"

แน่นอนครับ มันดูเหมือนเทพนิยาย แต่ตำนานผู้หญิงบนเกาะเลมนอสนี้ รู้จักเมื่อ ศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล สถานที่ที่เกิดขึ้น เลมนอสในยุคสำฤทธิ์ เป็นเมืองแรก ๆ ของยุโรป นำเข้าโลหะจากชายฝั่งทะเลดำ ระหว่างไปเคาคิส ดินแดนแห่งขนแกะทองคำ

แต่ ผู้หญิงชาวเลมเนียน ถูกเทพธิดาแห่งความรัก สาปให้ตัวมีกลิ่นเหม็นจน ผู้ชายหนีไปหมด ตำนานที่ประหลาดนี้มาจากไหนกัน ผู้หญิงในเมืองเลมนอสยุค สำฤทธิ์นั้น ชำนาญในการย้อมผ้า พวกเธอใช้สีย้อมที่ทำมาจากต่อมของหอยทากทะเล ผสมกับ ปัสสาวะ มนุษย์ ซึ่งให้สีที่สดใส แต่มีกลิ่นเหม็นที่สุดในโลก นี่คือเบาะแสความเป็นจริงในยุคสำฤทธิ์ ที่อยู่เบื้องหลังตำนานหรือไม่

เมื่อพวกลูกเรืออาร์โก ร่วมรักกับพวกเธอ คำสาบก็จะหมดไป แต่ผู้หญิงเมืองเลมนอส มีความลับที่ดำมืดครับ สิ่งที่พวกเธอไม่ได้บอกเจสันก็คือ พวกเธอสังหารพวกผู้ชายทุกคน โดยหลอกให้ดื่มเหล้าในคืนหนึ่ง และจับยัดในถุง และเอาไปทิ้งที่ทะเล พวกเธอโยนพวกเขาที่หน้าผา ที่ชื่อตรงกับตำนาน คือ เพทาซา ซึ่งแปลว่าโยนในภาษากรีก ในตำนานนั้น ที่ผู้หญิงชาว เลมเนียน โยนพวกผู้ชายลงทะเลครับ


jason-and-argo-e09.jpg



บ่อยครั้งในตำนานกรีก ที่เทพนิยายกลายเป็นเรื่องเล่าและแปลก และโหดร้าย ราชินี ฮิซิพิเล หลงรักเจสัน และขอให้เขาอยู่กับเธอ และดูแลลูกชายกับเธอ แต่เจสัน เป็นวีรบุรุษการผจญภัยนี้ เขาต้องเดินทางต่อไป

ในยุคสำฤทธิ์ ในช่วงฤดูหนาว มีมรสุม ซึ่งชาวกรีกส่วนใหญ่จะอยู่แต่ในบ้าน ส่วนเจสัน เขาคงเดินทางในช่วงหน้าร้อนเพราะไม่ต้องเสี่ยงกับโพไซดอน เทพแห่งท้องทะเลครับ และแล้วเจสัน ก็มาขึ้นฝั่งที่เกาะซาโมเทส ที่อยู่ของเทพผู้ยิ่งใหญ่ และลึกลับ แต่พวกเชาต้องมีเวทมนต์คุ้มกัน ก่อนจะผ่านในในโลกที่ไม่มีใครรู้จัก


0137_7[1].jpg



เพื่อไปให้ถึงทะเลดำ พวกลูกเรืออาร์โก ต้องแล่นเรือฝ่ากระแสน้ำที่รุนแรง ซึ่งไหลออกมาจากมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ ผ่านช่องแคบบอสฟอรัส

อิสตันบูล ซึ่งครั้งหนึ่งก็คือ คอนสแตนดินโนเปิล เมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครับ ปัจจุบันเมืองอิสตัสบูลของชาวตุรกี เป็นจุดตัดระหว่างทวีปยุโรปกับเอเชีย เมืองนี้สร้างขึ้นโดยชาวกรีก ประมาณ ปีที่ 700 ก่อนคริสตกาล ตำนานบอกว่า เจสัน เป็นคนที่สร้างวิหารแรกในเมืองนี้ครับ เป็นการเริ่มต้นการสร้างอาณานิคมที่ยิ่งใหญ่ แห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เป็นการเปิดทางให้อารยธรรมกรีก สู่ทะเลดำ และรัสเซียใต้ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นกลางศตวรรษที่ 6 เกือบพันปีแล้วที่ที่นี่เป็นโบสถ์หลักของกรีกออรเทอร์ดีอกซ์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางโลก คริสเตียน ของชาวกรีกทั้งหลาย ซึ่งประสบความสำเร็จในโลกโบราณครับ

อุปสรรคของเจสันคือ ต้องผ่านช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งมีหน้าผาหินกระทบกัน มันจะบดเรือทุกลำที่ผ่านเข้าไป มีเพียงชายคนเดียว ที่รู้วิธีผ่านเข้าไป นั่นคือ พิเนียส ผู้มองเห็นอนาคต เขาถูกเทพเจ้าทำให้ตาบอด เพราะบอกเรื่องราวของอนาคตมากเกินไป

พิเนียส บอกว่า "ฟังนะเจสัน เกี่ยวกับโชคชะตาของเจ้า ข้าได้เปิดเผยในสิ่งที่เทพเจ้าอนุญาต ซุสจอมเทพ ตั้งใจให้มนุษย์ไม่เห็นทุกอย่าง ที่สวรรค์กำหนด แต่สำหรับหน้าผาหินนั้น ขณะเจ้าเข้าใกล้มัน จงปล่อยนกพิราบให้บินเข้าไปก่อน หน้าผาจะปิด ขณะที่มันเปิด เจ้าต้องรีบฉวยโอกาศและภายเต็มกำลัง เพื่อผ่านไป" เจสันถาม "ท่านครับ เราจะกลับไปยังกรีกได้ปลอดภัยไหม นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะรุ้ "ฟีเนียส ตอบกลับว่า "ข้าพูดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่จำไว้ว่า พันธมิตรที่ดีที่สุดของจ้าคือ อโพรไดตี้ เทพเจ้าแห่งความรัก ความสำเร็จในการเดินทางของเจ้า ขึ้นกับนาง ข้าพูดได้แค่นี้แหละ"

ดังนั้นเจสัน จึงเป็นชาวเรือคนแรกที่ผ่าน ช่องแคบนี้ไปยังโลกใหม่ในทะเลดำ เมื่อเรืออาร์โก ผ่านช่องแคบไปได้ มันก็เปิดกว้างและไม่เคยปิดมาอีกเลย ตามตำนานบอกว่า คุณจะเห็นแต่ทะเลกว้าง และขอบฟ้าที่เวิงว้าง ไกลสุดหูสุดตาครับ

บทกวีโรมันเกี่ยวกับเจสันกล่าวไว้ว่า มันถือเป็นชัยชนะ และจุดประกายให้กับจิตวิญญาณของคน ท่านเป็นเหมือนเพลงของนางไซเรน ที่สะกดให้เหล่าลูกเรือยอมเสี่ยงชีวิต

ตั้งแต่แรกขนแกะทองคำเป็นของขวัญจากเทพเจ้า ให้กับชาวกรีก มันเป็นหนทางก้าวเข้าสู่โลกใหม่ ซึ่งมีโลหะมากมาย และมีความรู้ในการถลุงโลหะ มีหลายคนที่พยายามผ่านช่องแคบบอสฟอรัส ไปยังทะเลดำ ก็คล้าย ๆ กับ เอลโดราโด ของคนโบราณเลยครับ จากตำนานรเรื่องเล่าบทกวี โศกนาฏกรรม เงินทองความมั่งคั่ง คนรวย ทั้งหมดนี้ทำให้เกิด ตำนานหนึ่งขึ้นมาได้

ีตามตำนานของชาวตุรกีที่ที่เรียกว่าแหลมเจสัน อย่างที่คนโบราณเรียก ชาวบ้านแถบนี้เล่าเรื่องอีกแบบว่า เจสัน มาได้ไกลสุดเพียงเท่านี้ เพราะเรืออาร์โก จมลงที่นี่ครับ ะจสันและพวกพ้อง ก็เลยตั้งรกราก และแต่งงานกับผู้หญิงชาว ท้องถิ่น มีคนกรีกสมัยโบราณสามคน ซึ่งพวกเขาเรียกว่า เอซอน ก็คือเจสัน แกริสัน และแซมซัน ตำนานของชาวบ้านเหมือนกับตำนานสร้างอาณานิคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น