วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

Mokele Mbembe สัตว์ลึกลับผู้หยุดสายน้ำ

คราวนี้จะพาไปติดตามเรื่องของสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งหรือสายพันธ์หนึ่ง ซึ่งจะว่าไปมันก็ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเสียทีเดียว เอาเป็นว่าเป็นสัตว์ลึกลับที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานในการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน หรือว่าแบบชัดเจนละกัน เจ้าสัตว์ลึกลับนี้ก็คือ "Mokele Mbembe" หรือในความหมายว่า "ผู้หยุดสายน้ำ"

ตามหลักฐานบันทึกการมีอยู่ (ถ้ามันมีตัวตนอยู่จริง) ของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ตามที่ทางชาวตะวันตกเค้าได้บันทึกเอาไว้เป็นครั้งแรกนั้นก็เมือเมื่อปี ค.ศ.1776 น่ะครับ เป็นบันทึกของบาทหลวงชาวฝรั่งคนหนึ่งที่ชื่อ Lievain Proyart ซึ่งได้บันทึกสถานที่ที่เห็นเจ้า Mokele Mbembe เอาไว้ว่าอยู่ในประเทศคองโกทวีปแอฟริกา ซึ่งได้เจอโดยบังเอิญตอนท่านเข้าไปเผยแพร่ศาสนาแก่ชนพื้นเมืองที่นั่น ตามบันทึกของบาทหลวงผู้นี้ได้บรรยายลักษณะของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ว่า ไม่เหมือนกับบรรดาสรรพสัตว์ที่ท่านเคยเห็นมาก่อน และดูเหมือนมีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ในยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์มากกว่า และได้บรรยายถึงลักษณะของรอยเท้าที่อยู่บนดินที่มีรอยกรงเล็บของมันเอาไว้ด้วยว่ามีขนาด 3 ฟุตที่วัดโดยรอบ ก็นับว่าเป็นจุดกำเนิดให้กับเรื่องเล่าขานจากสัตว์ลึกลับที่คองโกเลยทีเดียว ต่อมาในปี ค.ศ.1909 นาย Paul Gratz ก็ได้บันทึกเรื่องราวถึงลักษณะของเจ้าสัตว์นี้เช่นกันเมื่อเขาได้เห็นมันเข้า "มันอาจจะดูคล้ายกับจระเข้ตัวโตมากแต่ว่าไม่ใช่อย่างแน่นอน ผิวหนังของมันไม่มีเกล็ดเลยและเท้าก็มีกรงเล็บอยู่ทั้งสี่ข้าง" ซึ่ง Paul เล่าว่าได้เห็นมันขณะที่มันว่ายน้ำอยู่ในบึงที่ใกล้กับทะเลสาบ Bangweulu ที่ประเทศแซมเบีย (Zambia) ซึ่งเขาตั้งชื่อเจ้าสัตว์ตัวนี้ว่า nsanga



ต่อมาในปีเดียวกันนักธรรมชาติวิทยา Carl Hagenbeck ได้มาทำการสำรวจพื้นที่นี้จากคำบอกเล่าของชาวเยอรมัน Hans Schomburgh และพรานชาวอังกฤษ Joseph Menges ว่าอาจจะมีไดโนเสาร์หรือบรอนโตเซารัสอาศัยอยู่ที่นี่ ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยในสมัยนั้นพร้อมด้วยผู้ช่วย และเพื่อนที่เป็นนักธรรมชาติวิทยาด้วยกัน จากคำบอกเล่าของพรานกล่าวลักษณะสัตว์นี้ว่า "มีรูปร่างใหญ่โต รูปร่างเหมือนครึ่งช้างครึ่งมังกร อาศัยอยู่ในบึง" แต่ทว่า Hagenbeck ก็ต้องล้มเลิกการสำรวจครั้งนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัญหาของชนพื้นเมืองที่ไม่เป็นมิตร และบรรดาโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดของที่นั่น บางกระแสว่ามันอาจจะเป็นเพียงแค่ฮิปโปโปเตมัสก็ได้

Hans Schomburgh ยังเล่าถึงเรื่องราวอีกว่ายังมีสัตว์ประหลาดที่อยู่บึง Dilolo อีกหรือที่ชนพื้นเมืองเรียกมันว่า "Chimpekwe" ต่อมาในปี ค.ศ.1913 ผู้กอง Freiherr von Stein ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รายงานบันทึกเรื่องราวของสัตว์แปลกประหลาดนี้เอาไว้เช่นกัน เนื่องด้วยเขาถูกส่งไปสำรวจที่ประเทศ Cameroon โดยรัฐบาลประเทศเยอรมัน ในรายงานของเขากล่าวว่าได้พบมันหลายครั้งที่แม่น้ำ Ubangi, Sanga, และ Ikelemba ในขณะที่ทำการสำรวจภูมิประเทศอยู่ และได้บรรยายถึงลักษณะของมันเอาไว้ว่า "มันมีผิวหนังที่เรียบเป็นมันสีเทาค่อนไปทางน้ำตาล และตัวโตประมาณช้างหรือเล็กกว่านั้นเล็กน้อย คอยาวและมีฟันอยู่ซี่เดียวแต่ว่ายาวมาก หางดูเหมือนจระเข้ ขณะที่ผมดูเหมือนว่ามันกำลังออกหาอาหารอยู่" นอกจากนั้นเขายังได้พบมันอีกที่แม่น้ำ Scombo ขณะที่มันกำลังกินอาหารที่เป็นผักหรือหญ้าอยู่ ก็เป็นรายงานการพบเห็นของผู้กองคนนี้น่ะนะครับ



มาต่อกันที่ปี ค.ศ.1920 ในปีนี้ข่าวของเจ้า Mokele Mbembe ก็ได้กระจายเพิ่มมากขึ้นและมีการตั้งคณะออกค้นหามันกันอย่างมากมาย เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของเจ้าสัตว์ตัวนี้หรือชนิดนี้กันเลยทีเดียว จนถึงขนาดมีการตั้งสมาคมขึ้นมาเพื่อค้นหาโดยเฉพาะก็มี รวมไปถึงข่าวลือและรายงานการพบเห็นปลอมก็ออกมาอย่างมากมายเช่นกัน แต่ก็เหมือนเดิมครับยังไม่มีข่าวหรือว่าหลักฐานอะไรเพิ่มเติมมากไปกว่ารายงานการพบเห็น และหลายคณะที่ออกค้นหาก็ได้มีการยอมแพ้และล้มเลิกไปตามๆ กัน จนกระทั่งแทบจะลืมเรื่องราวของมันไปจนกระทั่งในปี ค.ศ.1948 เมื่อนักสัตววิทยา Ivan T. Sanderson ได้เขียนรายงานออกมาอีกครั้ง เกี่ยวกับการตามรอยสัตว์ที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ที่มีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ หรือก็คือเจ้า Mokele Mbembe นั่นเอง ทำให้มีการจุดประกายในการออกตามหากันขึ้นมาอีกครั้ง



ต่อมาในปี ค.ศ.1960 ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลาน James H. Powell Jr. ก็มีความสนใจในตัวเจ้า Mokele Mbembe เช่นกัน และเริ่มออกค้นหาครั้งแรกในปี 1972 และครั้งต่อมาในปี 1976 ก็ได้หลักฐานและรูปถ่ายของร่องรอยของมันมากขึ้น และกับการสำรวจอีกครั้งในปี 1980 คราวนี้มีนักสัตววิทยา Roy P. Mackal เดินทางไปด้วยและได้พบรายงานของการพบเห็นและข้อมูลอย่างมากมายที่บริเวณทะเลสาบ Tele บางรายงานกล่าวว่ามันมีขนาดความยาวจากคอหางประมาณ 25 -30 ฟุต ผิวสีน้ำตาลแก่ หรือบางรายงานกล่าวว่าเห็นหงอนกับแนวขนที่หลังของมันด้วย และรายงานอีกเป็นพันฉบับที่กล่าวว่า Mokele Mbembe นั้นถูกฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้วโดยชนพื้นเมืองที่นั่น และได้นำเอาเนื้อของมันมาแบ่งกินกัน แต่ผู้ที่กินเนื้อก็ตายเรียบไปด้วย (ซึ่งเรื่องการการตายของ Mokele Mbembe โดยชนพื้นเมืองฆ่านั้นตรงนี้มีรายงานและจดหมายรวมไปถึงข้อมูลจากชาวเผ่าพื้นเมืองได้บันทึกเอาไว้ด้วย ถ้าสนใจรายละเอียดไป Post บอกไว้ที่ Board ละกัน ผมจะนำเสนอให้อีกที)



ในการออกค้นหาครั้งต่อมาในปี 1981 คราวนี้ได้ระดมเหล่านักวิชาการจากหลายสาขาที่มีความชำนาญมารวมกันทั้งนักธรรมชาติวิทยา นักสัตววิทยา ผู้ชำนาญด้านพื้นที่และภูมิประเทศรวมไปถึงวิศวกรที่มีความเชื่อในการมีตัวตนอยู่ของเจ้าสัตว์ชนิดนี้มารวมกัน คราวนี้ความหวังของพวกเขาดูจะใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจากการพวกเขาที่ได้ยินรายงานการพบเห็นเกี่ยวกับมันในครั้งล่าสุด ที่มีการพบร่องรอยของสัตว์ตัวโตที่หลุดไปยังแม่น้ำในรัฐ Epena และพบรอยเท้ามากมายและรอยย่ำเป็นทางเดินบนแปลงผักของมันอย่างชัดเจน ทั้งยังชาวบ้านในละแวกนั้นได้ยินเสียงคำรามหรือเสียงร้องจากสัตว์ที่พวกเขาไม่รู้จัก ชาวท้องถิ่นหลายคนอ้างว่า เห็นตัวของมันขณะที่มันกำลังเดินออกจากบริเวณหมู่บ้านลงแม่น้ำไปอีกด้วย และคาดกันว่าขนาดตัวของมันน่าจะยาวประมาณ 30 -35 ฟุต จากหัวถึงหาง แต่ทว่าเป็นน่าเสียดายที่การออกค้นหาครั้งสำคัญนี้ไม่ประสบความสำเร็จในการถ่ายหรือจับตัวเจ้าสัตว์ลึกลับมาได้ ซึ่งก็เป็นที่ผิดหวังของบรรดาผู้ที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะยลโฉมเจ้า Mokele Mbembe กันอย่างมาก ในตอนนี้อาจเป็นไปได้ว่า มันอาจโดนฆ่าตายไปก่อนหน้าที่คณะสำรวจนี้จะเข้าไปเรียบร้อยแล้วจากชาวเผ่าพื้นเมืองดังที่กล่าวไปในตอนต้น ในกรณีที่มันมีหลงเหลืออยู่ตัวเดียว



แต่ถ้าในกรณีที่มันมีอยู่หลายตัวก็อาจจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งขอบเขตและความสามารถในการสำรวจอาจจะถูกกำจัดด้วยหลายๆ สิ่ง เช่น สภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ ความสามารถในการค้นหาหรือของเหล่าลูกทีม ชนพื้นเมือง รวมไปถึงบรรดาโรคภัยในป่าต่างๆ ก็อาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการออกติดตามหา Mokele Mbembe มีไม่เต็มที่เท่าที่ควรก็เลยไม่สามารถหาหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันกว่านี้ออกมาได้ ซึ่งหลังจากนั้นก็แทบจะไม่มีคณะออกตามหา ข่าวคราวหรือว่ารายงานของเจ้าสัตว์ชนิดนี้ออกมาอีกเท่าไหร่ ซึ่งเวลาผ่านนานไปก็เหลือแค่เพียงเรื่องราวของสัตว์ลึกลับ ลักษณะคล้ายกับไดโนเสาร์บรอนโตเซารัสที่อาศัยอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำในคองโก เป็นตำนานเล่าขานถึงการมีตัวตนของ Mokele Mbembe สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น